Thursday, December 30, 2010

วังน้ำเขียว เปลี่ยนไปตามสายลม

สถานที่ที่ผมชอบคือ ป่าไม้ ภูเขา แนวธรรมชาติ เวลาไปไม่ทำอะไรมากกว่าการไปพักผ่อน และดูว่าชาวบ้านเค้าทำอะไรกัน บ้างก็ไปตลาดนัด บ้างก็ไปแวะทานข้าว หรือไม่ก็ไปนั่ง ชิว ๆ บางทีแค่ขับรถไปดูเฉย ๆ ไม่ได้ไปพักหรือว่าพำนักอะไร  ความรู้สึกเหมือนไปเยี่ยมบ้านหลังหนึ่งเท่านั้น

วันนี้ก็อีกครั้งที่ได้แวะไปวังน้ำเขียว จำได้ว่าไปมาแล้ว 5 ปี ไปทุกปี ครั้งแรกไปเพราะว่าอ่านหนังสือแล้วก็ขับไปทันทีไม่ได้วางแผนอะไร เค้าบอกว่าเป็นแหล่งที่มีโอโซนเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ก็ไป ครั้งนั้นทำให้รู้จักกับ village farm and winery เพราะว่าหาข้าวข้างทางกินไม่เป็น เห็นเค้าบอกว่า wine ก็เข้าไปก่อน ไม่คิดอะไรมาก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะว่าน้องที่มาต้อนรับเค้าบอกว่า "อากาศที่นี่จะประมาณ 20 องศาในช่วงหน้าร้อน ส่วนหน้าหนาว ก็หนาวเป็นธรรมดา"

ครั้งที่สอง ก็เลยขอพิสูจน์ว่าเมษาที่ว่าร้อน ๆ ที่วังน้ำเขียวเป็นอย่างไร แล้วก็เจอกับความจริงที่ว่า มันเป็นอย่างที่ว่าไว้จริง ๆ และถ้ามีโอกาสได้แวะมาช่วงหน้าร้อนแล้วมีฝนตกพร่ำ ๆ ก็จะเจอกับหิ้งห้อย แบบว่าไม่ต้องไปที่อัมพวาก็มี ที่น่าขำคือ วันนั้นน้องที่ไปด้วยมันดันไม่เคยเห็นหิ้งห้อยตัวเป็น ๆ แวะมาทักทาย!

ครั้งหลัง ๆ ก็เริ่มเสนอให้บริษัท จัดไปบ้าง จัดไปตอนเดือนธันวาคม กะว่าให้หนาวสมใจ แล้วก็จริง พวกเรานั่งเล่นไพ่กันภายใต้อากาศต่ำกว่า 17 องศา แต่ก็ไม่ใครอยากเข้านอน เพราะว่ามันหนาวและเย็นสบายจริง ๆ

ครั้งหลังสุดไปตอนธันวาคม อีกนั่นแหละ แต่ว่าคราวนี้มันเปลี่ยนไปค่อนข้างรวดเร็ว ลองนึกถึงเมืองชนบท แล้วจู่ ๆ ก็มีรีสอร์ท แบบเชียงใหม่ผุดขึ้นมามากมาย ผู้คนเข้ามาซื้อสินค้ากันมากมายจนไม่มีที่จอดรถ คนขายไม่ได้หน้าตาเป็นคนท้องถิ่น สินค้าเริ่มเป็นสินค้าที่มาจากถิ่นอื่น หรือบางทีเราก็จะเห็นว่าเป็นสินค้าที่เขียนว่า product of China

ชาวบ้านบอกว่า น่าจะเป็นการจัดการของคนถิ่นอื่น เป็นการนำวิธีการของคนกรุงเทพ หรือเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ เข้ามา แบ่งพื้นที่ออกเป็นช่อง แล้วก็จัดสรร ให้คนเข้ามาเช่าพื้นที่เพื่อขายของ มีการนำขบวนเที่ยวรถทัวมาจอด ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อสินค้า ที่บางที่ก็เป็นสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าท้องถิ่น

อันที่จริงแล้ว "วังน้ำเขียว" ในความหมายผม ส่วนใหญ่ผมหมายถึงในส่วนที่เป็น ต.ไทยสามัคคี ไม่ใช่เส้นที่จะเดินทางไปเขาแผงม้า เขาใหญ่ ผมก็ขอแบ่งเอาง่าย ๆ ว่า เส้นชนบทที่ผมรัก และเส้นไฮโซ

เส้นชนบท หมายถึงทางเข้าไปยัง ต. ไทยสามัคคี  ส่วนเส้นไฮโซ เป็นเส้นที่จะผ่านไปยังเขาแผงม้าสู่เขาใหญ่

ปัจจุบันนี้ ปากทางเข้าไปยัง ต.ไทยสามัคคี นั้นก็เริ่มเป็นเส้นไฮโซแล้ว ก็ขอให้เป็นแค่ทางเข้าแล้วกัน อย่าไปถึง ตัว ตำบล เลย เสียดายมาก

ส่วนเส้นไฮโซ นั้นก็ขอให้เป็นการสร้าง รีสอร์ทให้สำหรับคนที่รักสบายแบบคนชาวกรุง ที่ชอบสถานที่ที่เมื่อมาพักก็ได้อารมณ์แบบฝรั่ง

ถ้าจะให้สรุปจากภาพที่เห็น ก็คงสรุปได้ว่า "คนที่ไปเที่ยว นอกจากจะไปเที่ยวอย่างเดียวแล้ว ยังนำความเป็นคนเที่ยว คนกรุง เข้าไปเปลี่ยน เข้าไปหาผลประโยชน์กัน จนทำให้ท้องถิ่นนั้น ๆ เปลี่ยนไป"

ผมยังไม่อยากเห็น วังน้ำเขียว ที่ผมชอบ เป็นเหมือน เชียงใหม่ ภูเก็ต เกาะช้าง เกาะเสม็ด ปาย ผมอยากให้วังน้ำเขียว ยังเป็นวังน้ำเขียวเหมือนเดิม

เป็นอย่างที่ผมขอจดไว้อย่างนี้  

เมื่อใกล้ถึงเป้าหมาย เราจะเห็นดอกหญ้าที่สูงกว่ารถเรียงสองข้างทางจนวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะแวะถ่ายรูปอย่างไร
ตรงที่กลับรถข้างหน้า ถ้าเลี้ยวขวา ก็เข้าไปกินน้ำองุ่นที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมา
ถ้ากลับรถก็ชิดซ้ายไว้เข้าซอยแรกก็จะเป็นทางเข้าสู่เส้นทางที่หวังไว้
ประมาณกลางซอย จะเจอกับป้ายของป้ายแนวตั้งที่สูงกว่าชั้นที่ 3 ของตึกในกรุง
แวะถ่ายรูปที่นั่นหน่อย
รีบขึ้นรถไปต่อ
เนินสูง ๆ ต่ำ ปกคลุมไปด้วยหญ้า ผ่านให้เห็นเป็นระยะ ๆ 
อ้อ... ปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างรถสิ
ตรงไปเรื่อย ๆ
สวนผักอยู่ด้านซ้าย เห็นเป็นทิว "เค้าปลูกผักหน้าหนาวกัน"
ทางด้านขวา "ร้านนี้คิดได้ไงว่าต้องเปิดร้านนมสด" อิจฉา
แล้วก็เห็ด ๆ ๆ 
ร้านยังเป็นรูปเห็ดเลย สั่งเลย
กะเพราเห็ด เห็ดเทมปุระ ไข่เจียวเห็ด ต้มยำเห็ด น้ำพริก กับผักสดเป็นกาละมัง
ข้าวเปล่าอีกจานครับ
ทำไมผักไม่เห็นขมเลย (น้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้น) 
ผานั้นเรากำลังจะไป "ผาเก็บตะวัน" เราจะไปเก็บตะวันกัน
อ่างเก็บน้ำนี้คงเป็นน้ำไว้ใช้ของหมู่บ้าน
รั้วสีฟ้านี่เป็นทุ่งของใครหนอเหมือนมีไว้เลี้ยงม้า
นี่ไงเค้าปลูกผักที่นี้เหมือนกัน
ถ้าที่หอเอนปิซ่า เค้าทำท่าดันหอ ที่นี่เค้าทำท่าแบกอาทิตย์ จุ๊บสุริยา
ทันถ่ายรูปพอดี
อาบน้ำ
หนาว ๆ ๆ (มีใครอยากไม่อาบน้ำบ้าง อยากมีแนวร่วม)
นอน
กรน
หนาว
ไม่อยากตื่น
ขออีกเดียว 
ยังไม่อยากกลับ
มาอีกเมื่อไหร่ดี
วังน้ำเขียว ...​ที่รัก

Friday, December 24, 2010