Saturday, January 2, 2010

tutorchannel www.etthai.tv

ผมชอบรายการนี้เพราะว่านั่งเรียนได้ที่บ้าน ไม่ต้องนั่งดูรถติดไปโรงเรียนกวดวิชา นอกจากการเรียนที่โรงเรียนแล้ว ผมคิดว่าการเรียนพิเศษก็จำเป็น แต่...

สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชา หรือสถาบันการเรียนต่าง ๆ สำหรับผมคือ การไปดูว่าคู่แข่งของเราเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนตัวก็ไม่เข้าใจสักทีว่าทำไมต้องเรียนพิเศษ หรือว่าเวลาที่โรงเรียนไม่พอ หรือว่า อาจารย์สอนกั๊ก เลยต้องมาสอนต่อ

ผมเห็นอาจารย์สอนแล้ว อยากไปเป็นอาจารย์เอง ทำไมหรือครับ? ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดู "ฟิสิกส์นิวตัน" ของอาจารย์ สม สุจีรา ดูครับ (อ่านแล้วทำความเข้าใจด้วย อย่านำสองสิ่งมาผสมกันมากไป เพราะอาจหลงทางได้)

และการดึงตัวอย่างที่เห็นจริงและเข้าใจอย่างท่องแท้ จะทำให้เข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์มากขึ้น เพราะผมเชื่อว่า ไม่ว่าวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ หรือว่าวิชาใด ๆ ก็ตาม มันก็เกิดจากหลักธรรมชาติที่มนุษย์สังเกต นั่นเอง ไม่ได้มีอะไรวิเศษหรือว่าพิศดารมากกว่านี้ และผมก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนจากโลกอื่นมาเสนอหลักการหรือวิทยาการให้มนุษย์

สิ่งที่วนอยู่ในการศีกษาของคนไทย และทำให้คนไทยไม่พัฒนาในมุมมองของผมมีดังนี้

  1. การเรียนที่ไม่เสนอตัวอย่างที่สังเกตได้จริงปฏิบัติได้จริง เช่น เราเรียนเรื่องการบวก ไปทำไม เรียนการเคลื่อนที่ไปทำไม เรียนเคมีไปทำไม ทำให้นักศึกษาไม่รู้ความสำคัญแต่ละขั้นตอนการเรียน หลงทางไปเรื่อย
  2. เราเรียนทำโจทย์ แต่ไม่เข้าใจโจทย์ จะมีสักที่คนที่สอนให้เข้าใจโจทย์
  3. เราสอนและเรียนเพื่อทำคะแนน แต่ไม่เรียนเพื่อเรียนรู้
  4. เรานำคะแนนมาวัดความรู้ แต่ไม่นำคะแนนมาวัดความเข้าใจ
  5. เราสอนคนตัดตัวเลือก แต่ไม่เคยสอนให้สร้างตัวเลือก ไม่เชื่อลองทำข้อสอบที่มีตัวเลือก 7 ตัวสิ แล้วจะพบว่า คะแนนสอบน้อยลง
  6. เราสอนให้คนท่องจำ มากกว่าสอนให้เข้าใจ มันไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลี้ยงที่มันรู้ว่า เราทำอย่างไรให้มันทราบได้ว่าเราจะเรียกมันมาหาเรา
  7. คนไทยมักง่าย ได้อะไรมาง่าย ๆ แต่ไม่พยายามทำสิ่งที่ยาก ๆ ฟันฝ่าอุปสรรคยาก ๆ ทำให้เมื่อพบความผิดหวังก็ล้มแล้วลุกขึ้นยาก
  8. เราให้ความสนใจกับคนที่เก่ง สนับสนุนคนเก่ง แต่ไม่ทำให้ทุกคนเก่งขึ้น เหมือนกับเราไม่พยายามเพาะพันธ์ุปลาให้ดี แต่เราจะคัดเลือกเฉพาะปลาที่สวยและเด่นเท่านั้น)
วิชาที่ผมคิดว่าประสบความสำเร็จในการเรียนการสอนมีดังนี้
  1. วิชายืดหยุ่น เพราะว่ามันเอามาใช้กับการล้มอย่างไรไม่ให้เจ็บ หรือการกระโดดอย่างไรไม่ให้เจ็บขา มันเป็นหลักที่ดีในการทำโช๊ค ในรถยนต์ คุณว่าไหม?
  2. วิชาเกษตร เพราะว่าเราจะนำไปทำได้ทุกเมื่อเวลา และก็ง่าย ทุกคนเข้าใจ คุณปลุกถั่วเขียวเป็นหรือเปล่า คุณว่าไหม เราสามารถปลูกถั่วเขียวเป็นอาชีพได้
  3. วิชาศิลปะ เพราะว่ามันทำให้เราไม่มีกรอบ
จะเห็นได้ว่าวิชาที่ประสบความสำเร็จในการเรียนการสอนส่วนใหญ่เกิดจากการสร้างจินตนาการให้นักเรียนได้นั่งเอง

อีกตัวอย่างหนึ่งของความสำเร็จของการเรียนจากการใช้งานจริง คือ ภาษาอังกฤษ คุณเชื่อหรือไม่ ภาษาอังกฤษที่เราเรียนกันในมหาวิทยาลัย ยังแพ้ ชาวบ้านที่กระบี่ ที่ต้องพาชาวต่างชาติ ไปเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ เลย ไม่เชื่อลองไปเที่ยวดูสิ


4 comments:

Anonymous said...

เป็นการสรุปความคิดที่ดีเลยนะ เห็นด้วยจ๊ะ ^_^

ลองคิดเล่น ๆ นะ บางทีการการขาด หรือไม่สมบูรณ์อะไรบ้างอย่าง มันเป็นช่องว่าง โอกาส หรือเวทีให้เรา (แต่ละบุคคล) ได้ใช้จินตนาการของตัวเอง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ก็ดี เป็นอิสระ ส่วนตัวเราเชื่อว่า ไม่มีสิ่งใดที่ถูกต้องเสมอ (มันมีบริบท และกาลเวลาที่ต้องพิจารณาควบคู่)

ทำไมเด็กสมัยนี้คิดเองไม่เป็น ทำไมถึงไม่เข้าใจในสิ่งนี้สิ่งนั้น - มองเผิน ๆ อาจจะเป็นเพราะไม่มีคนสอนให้คิด หรือคนสอนสอนไม่ดี ทำให้เด็กไม่เข้าใจ

แต่ส่วนตัวเราก็มีคำถามว่า "แล้วทำไมต้องสอนถึงคิดเป็น ทำไมต้องอธิบายถึงเข้าใจ" มีคนมากมายที่ไม่มีใครสอนก็คิดเป็น ไม่ต้องอธิบายก็สามารถทำความเข้าใจเองได้ (แต่จะถูกจะผิดก็อีกเรื่องนึง 55555555 )

ความคิด หรือความเข้าใจไม่ต้องการการสอน หรือเป็นหน้าที่ของใครที่ต้องทำให้เราคิดเป็น / เข้าใจ

มันเกิดจากการเรียนรู้ ลองผิด ลองถูก อย่างที่บอกหากเรามัวแต่ฟังคนโน้นคนนี้บอกว่ามันต้องคิดแบบนี้ มันเป็นแบบนั้น นั่นมันไม่จำกัดความคิดกันจนเกินไปเหรอ มันกลายเป็นว่า คิด หรือเข้าใจอีกแบบแล้วผิด ซึ่งมันไม่ถูกนัก (ถูกของเธอ อาจจะผิด/ไม่เหมาะสำหรับฉัน)

เพราะฉะนั้น สำหรับตัวเรา เราว่าสถานการณ์ สภาพแวดล้อมต่างหาก ที่จะเป็นหล่อหลอมให้เกิดการสร้างสรรค์ทางความคิดให้เกิดขึ้น สภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทั้งด้านดี และไม่ดี รวมถึงแรงกระตุ้น แรงกดดัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นตัวเร่งให้กระบวนการเรียนรู้ การสร้างสรรค์ความคิด ความเข้าใจมีเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้

ดูอย่างคุณคนเขียนสิ ใครสอนให้คุณคิดเป็น สรุปประเด็นเป็น เขียนเป็น ออกมาเป็นอย่างที่เขียนได้ล่ะ

ก็ตัวคุณเองน่ะแหละที่สอนตัวเอง เกิดจากประสบการณ์ของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่คุณก็ได้รับการเรียนการสอนในแบบไทย ๆ มาตั้งแต่เด็กเหมือนกันกับเด็กคนอื่น ๆ เพียงแต่ประสบการณ์ของคุณต่างหาก ที่มันทำให้คุณคิดเป็น

ดังนั้น ส่วนตัวก็เลยมีความคิดว่า ระบบการศึกษามันก็อย่างนั้นแหละ เราทำอะไรมันไม่ได้มากหรอก และเราก็หวังว่าจะได้อะไรจากมันมากไม่ได้เช่นเดียวกัน

สิ่งสำคัญคือ แค่ให้ระบบการศึกษาได้สร้างให้เด็กมีคุณธรรม คิดดี ทำดี แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว อย่างอื่นต้องไปพัฒนากันเอาเองจากประสบการณ์จริง

สรุปเกี่ยวกันไหมนี่ งงงงงงงงงงงงง

(+ ^_____^+)


ป.ล. "การคิดเป็น" สร้างได้ด้วยตัวเอง อย่ากลัวผิดถูก (ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ผิดก็แก้ไข ถูกก็พัฒนา)

! ! ! ชาติไทย จงเจริญ ! ! !

Anonymous said...

มาอีกที.......

ขอบคุณท่านเจ้าบ้านนะจ๊ะ ^_^

ได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่คนอื่นตั้งขึ้นก็ดีอย่างนี้น่ะนะ ได้คิด ได้ตกผลึกความคิดของตัวเอง จากการเขียนนี่แหละ

เขียนเองไม่สนุก ขี้เกียจนึกประเด็น ก็ขออาศัยไปแบบนี้หน่อยนะ

ขอบคุณอีกหนก๊าบ ๆ ๆ ๆ ๆ

HWattana said...

ตามมาติด ๆ ฉะแว๊บ ๆ

เฉียดฉิวทีเดียว ขอขอบพระคุณสำหรับท่านผู้ให้ความเห็นครับ ผมเองไม่ค่อยได้เขียนข้อความอะไรยาว ๆ เท่าไหร่ แต่หลังจากได้อ่านความเห็นของผู้เขียนท่านนี้แล้ว ทำให้มีกำลังใจในการเขียนขึ้นมาอีก เพราะว่า มีคนเข้าใจด้วย (ผมมันพวกสมองสี่เหลี่ยมมาก่อนนะครับ)

Anonymous said...

ไม่รู้ว่าได้อ่านหรือยังนะจ๊ะ บทความของคุณหนุดี วนิษา เรซจ๊ะ

"เล่นอย่างนี้สิฉลาด" : http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=87082