Thursday, October 7, 2010

ข้าวไทย อีกจุดอ่อนหนึ่งที่กลายเป็นจุดแข็งของคนอื่นไป

หลังจากอ่านบทความนี้ "วิกฤติส่งออกข้าวไทยในอาเซียน" ผมก็ต้องขอมาบันทึกความเห็นไว้หน่อย

ที่จริงแล้วเรื่องข้าว ๆ นี่ผมว่าไม่น่าจะมีใครกินขาดคนไทยได้ เพราะว่าเราทำกันมานาน ตั้งแต่ผมจำความได้ก็ได้ยินว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" นั่นแสดงว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมาแต่กำเนิด แต่พอเรียนประถม ก็ได้ยินคำว่า อุตสาหกรรมใหม่ (นิค)

นับเป็นเวลามากกว่า 30 ปี... ไทยยังคงเป็นอะไรไม่รู้ ไม่ใช่ทั้ง เกษตรกรรม หรือ นิค อย่างที่อยากเป็น  พอจะกลับไปเป็นเกษตรกรรม พื้นที่ก็น้อยลง พอจะไปเป็นนิค ก็ไม่มีความชำนาญ ไม่มีแม้กระทั้งจะคัดลอกเค้ามา

ผมหวังว่าเราคงยังกลับลำทัน...

"เวียดนามมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทย"
พื้นที่ปลูกของเวียดนามก็ไม่ได้มีมากมายกว่าประเทศไทย แถมยังมีการขยายตัวของอุตสาหกรรม (โรงงาน) เพิ่มขึ้นมากมาย แต่ทำไม ผมว่าเค้าทำให้พื้นที่ ๆ มีอยู่สามารถปลูกได้อย่างคุ้มค่ามากกว่า เช่น กำหนดผลผลิตต่อไร่ ควบคุมน้ำ ควบคุมเวลา


"เวียดนามมีต้นทุนปลูกและผลิตข้าวต่ำกว่าไทย"
ต้นทุนถูก!  ถ้าบอกว่าถูกกว่าประเทศไทย ทำไมเราไม่จ้างเค้ามาทำหละครับ อิ อิ ผมว่าเหตุผลน่าจะเป็นว่า ต้นทุนอย่างอื่นถูกกว่า เช่น ไม่ใช้ปุ๋ย ไม่ใช้ย่าฆ่าแมลง แล้วอีกอย่างคือ ผมไม่เคยเห็นว่าต้นทุนที่ไหนจะมีแนวโน้มถูกลงเลย


"รัฐบาลมีนโยบายที่แน่นอนในการสนับสนุน"
รัฐบาลเวียดนาม ลดปุ๋ย ลดยาฆ่าแมลง เพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพ และเพิ่มกำไร แต่ชาวนาไทยเราส่วนมากยังเข้าใจว่า ใส่ปุ่ยเยอะ ๆ จะดี ใส่ยาฆ่าแมลงสิ ไม่อย่างนั้นจะเหลืออะไรเก็บเกี่ยว   รัฐบาลไทยช่วยชาวนาเหมือนดังที่เค้าว่ากันว่า "ช่วยหาปลามาให้กิน มากกว่าช่วยสอนวิธีหาปลา" คือ แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น พยุงราคาข้าว ออกเงินให้เกษตรกรกู้เพื่อซื้อปุ๋ย  ซึ่งถ้าชาวนาไทยยังหวังพึ่งรัฐบาลอย่างเดียวคงแย่

No comments: